ปัญหาการทำงานเสื่อมสภาพของ Fire Alarm System และความสำคัญของการบำรุงรักษา

Fire Alarm System หรือระบบแจ้งเตือนเหตุไฟไหม้ฉุกเฉิน เป็นระบบที่ถูกออกแบบเพื่อป้องกันสถานการณ์เสี่ยงและลดความสูญเสียเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ โดยทำงานผ่านกระบวนการตรวจจับ แจ้งเตือน และสั่งการอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในอาคารอย่างอัตโนมัติ แม้จะเป็นระบบที่มีความแม่นยำสูง แต่ในความเป็นจริง อุปกรณ์เหล่านี้สามารถเสื่อมสภาพได้ตามกาลเวลา เนื่องจากทำงานร่วมกับส่วนประกอบหลากหลาย เช่น อุปกรณ์ตรวจจับควัน แผงควบคุมหลัก (Fire Alarm Control Panel) และแบตเตอรี่สำรอง (Backup Battery) ซึ่งแต่ละส่วนมีวงจรไฟฟ้าและกลไกที่ต้องอาศัยการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ

 

การบำรุงรักษา (Maintenance) จึงมีบทบาทสำคัญในการตรวจเช็กความพร้อมของระบบทั้งหมด เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ทุกชิ้นยังคงตอบสนองได้อย่างถูกต้องเมื่อเกิดเหตุจริง ทั้งในด้านการตรวจจับสัญญาณ การส่งเสียงเตือน และการสั่งการระบบเสริมอื่น ๆ ภายในอาคาร การดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องไม่เพียงช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ แต่ยังช่วยให้ระบบพร้อมทำงานได้เต็มประสิทธิภาพในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด

 

แนวทางการบำรุงรักษา Fire Alarm System

  1. การตรวจเช็กประจำเดือน 

เป็นการตรวจสอบเบื้องต้นเพื่อให้แน่ใจว่าระบบอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานตลอดเวลา โดยควรดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่อาคารหรือผู้รับผิดชอบด้านความปลอดภัย โดยตรวจสอบการทำงานดังนี้

 

  • ตรวจสอบว่า แผงควบคุม (Fire Alarm Control Panel) แสดงสถานะปกติ ไม่มีไฟ “ขัดข้อง (Fault)” หรือ “ระงับการทำงาน (Disabled)”
  • ตรวจสอบ ไฟแสดงผล เสียงสัญญาณ และปุ่มควบคุม ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
  • ตรวจสอบ แบตเตอรี่สำรอง (Backup Battery) ให้มีแรงดันไฟฟ้าเพียงพอและไม่มีการรั่วซึมหรือขั้วหลวม
  • ตรวจสอบ ไฟส่องสว่างทางหนีไฟ (Exit Light) และ ไฟฉุกเฉิน (Emergency Light) ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
  • ตรวจดูว่า อุปกรณ์ตรวจจับและปุ่มกดแจ้งเหตุ (Manual Call Point) ไม่มีสิ่งกีดขวางหรือฝุ่นเกาะ

การตรวจเช็กประจำเดือนเป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้ระบบคงสภาพพร้อมใช้งานทุกวัน และช่วยให้สามารถสังเกตความผิดปกติได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นก่อนเกิดเหตุจริง

 

  1. การทดสอบระบบประจำไตรมาส 

มุ่งเน้นการทดสอบการทำงานของระบบในเชิงเทคนิค เพื่อยืนยันว่าอุปกรณ์แต่ละส่วนยังสามารถรับ – ส่งสัญญาณได้อย่างถูกต้อง ควรดำเนินการโดย ช่างผู้ชำนาญการหรือบริษัทผู้ดูแลระบบโดยเฉพาะ ผ่านกระบวนการดังนี้

 

  • ทดสอบการทำงานของเครื่องตรวจจับควัน ความร้อน และเปลวไฟ อย่างน้อยบางส่วนในแต่ละโซน เพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์สามารถส่งสัญญาณไปยังแผงควบคุมได้จริง
  • ทดสอบการทำงานของอุปกรณ์แจ้งเตือนด้วยเสียงและแสง (Audible & Visual Alarm Devices) เช่น กระดิ่งเตือนภัยหรือสัญญาณไฟกระพริบ
  • ตรวจสอบความถูกต้องของการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์และตู้ควบคุม (Loop Communication Test)
  • ทดสอบระบบเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริม (Auxiliary Devices) เช่น ระบบลิฟต์ ระบบปรับอากาศ ประตูหนีไฟ หรือระบบกระจายเสียงอัตโนมัติ เพื่อให้แน่ใจว่าทำงานสัมพันธ์กันในยามฉุกเฉิน

 

  1. การบำรุงรักษาประจำปี (Annual Maintenance)

ถือเป็นการตรวจสอบเชิงลึกที่ควรดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญด้านอัคคีภัย หรือบริษัทที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานวิชาชีพ เพื่อประเมินประสิทธิภาพของระบบทั้งหมดอย่างครอบคลุม โดยทดสอบ

 

  • การทำงานของอุปกรณ์ตรวจจับทุกตัว (100%) เพื่อยืนยันว่าตอบสนองต่อควันหรือความร้อนได้อย่างถูกต้อง
  • ทำความสะอาดหัวตรวจจับ เพื่อขจัดฝุ่นและคราบสะสมที่อาจรบกวนการทำงาน
  • ตรวจสอบการเชื่อมต่อกับศูนย์ควบคุมภายนอก หากอาคารมีระบบรายงานเหตุอัตโนมัติ
  • ทดสอบการทำงานร่วมกับระบบดับเพลิงอัตโนมัติ เช่น สปริงเกลอร์หรือระบบดับเพลิงด้วยแก๊ส

 

  • ตรวจสอบระบบจ่ายไฟและแบตเตอรี่สำรอง  เพื่อยืนยันว่ายังสามารถสำรองพลังงานได้เพียงพอ

 

  • ตรวจสอบการต่อสายดิน เพื่อป้องกันความเสียหายจากไฟฟ้ารั่วและสัญญาณรบกวน

 

  1. การจัดทำบันทึกผลและรายงาน 

หลังการตรวจสอบทุกครั้ง ควรจัดทำรายงานผลการตรวจสอบ (Inspection Report) อย่างเป็นทางการ ระบุวันที่ รายการที่ตรวจ ผลการทดสอบ และชื่อผู้ดำเนินการ พร้อมแนบภาพหรือเอกสารประกอบ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมายควบคุมอาคาร และเป็นข้อมูลสำคัญในการตรวจสอบย้อนหลังเมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด

 

  1. คำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อยกระดับความปลอดภัย
  • จัดให้มี การฝึกซ้อมอพยพหนีไฟ (Fire Drill) อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยใช้สัญญาณจริงจากระบบ Fire Alarm เพื่อให้พนักงานและผู้พักอาศัยคุ้นเคยกับขั้นตอนการอพยพ
  • หากพบอุปกรณ์แสดงสัญญาณผิดปกติ เช่น ไฟ “Fault” หรือเสียงเตือนไม่ทำงาน ควรซ่อมแซมทันทีโดยไม่รอรอบการตรวจ
  • ควรมอบหมายให้ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน เข้าดูแลและตรวจสอบระบบตามรอบเวลา เพื่อรับประกันความถูกต้องและความปลอดภัยสูงสุด

 

บริการเสริมการบำรุงรักษา Fire Alarm System โดย Grand Elite 

Fire Alarm System หรือระบบแจ้งเตือนเหตุไฟไหม้ฉุกเฉิน เป็นกลไกสำคัญในการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนในอาคาร โดยทำหน้าที่ตรวจจับ แจ้งเตือน และสั่งการระบบต่าง ๆ ให้ทำงานประสานกันอย่างอัตโนมัติ แม้ระบบนี้จะถูกออกแบบให้มีความแม่นยำสูง แต่ในความเป็นจริง อุปกรณ์ทุกชิ้นย่อมเสื่อมสภาพได้ ให้การบำรุงรักษาเป็นขั้นตอนที่ไม่ควรถูกมองข้าม เพราะช่วยให้ระบบยังคงทำงานได้อย่างถูกต้องและพร้อมใช้งานในทุกสถานการณ์ การตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอไม่เพียงช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของอุปกรณ์ แต่ยังช่วยค้นพบความผิดปกติของวงจรไฟฟ้าก่อนจะลุกลามเป็นปัญหาใหญ่

 

นอกจากนี้ การบำรุงรักษาอย่างเป็นระบบยังเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมอาคารและมาตรฐานสากล เช่น NFPA 72 ที่กำหนดให้อาคารสาธารณะและอาคารสูงต้องตรวจสอบระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้อย่างสม่ำเสมอ พร้อมจัดทำรายงานยืนยันผลการตรวจอย่างเป็นทางการ ซึ่งนอกจากจะลดความเสี่ยงทางกฎหมายแล้ว ยังช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้อาคารว่าระบบพร้อมทำงานได้ในทุกวินาทีที่จำเป็น

 

Grand Elite ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านระบบ Fire Alarm System จึงมุ่งพัฒนาและติดตั้งระบบตามมาตรฐานสากล เพื่อให้แต่ละอาคารมีเครื่องมือป้องกันที่เชื่อถือได้ พร้อมให้บริการตรวจสอบและบำรุงรักษาครบวงจรตามรอบระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้ระบบทุกส่วนทำงานได้จริงในยามเกิดเหตุ ไม่ว่าจะเป็นอาคารสำนักงาน โรงแรม โรงงาน หรือสถานที่ที่มีผู้คนหนาแน่น

 

เพราะความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคุณและ Grand Elite