อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) คือหนึ่งในอุปกรณ์พื้นฐานที่สำคัญในระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ (Fire Alarm System) โดยทำหน้าที่ตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในบริเวณที่ติดตั้ง เพื่อแจ้งเตือนเมื่อมีความร้อนสูงผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณเบื้องต้นของการเกิดไฟไหม้ แม้อุปกรณ์นี้จะไม่สามารถตรวจจับควันเหมือน Smoke Detector แต่ก็มีความเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับพื้นที่ที่ไม่สามารถใช้เครื่องตรวจจับควันได้ โดยเฉพาะในห้องที่มีฝุ่นมาก ควันจากการทำงาน หรือไอน้ำหนาแน่น ซึ่งอาจทำให้เกิดการแจ้งเตือนผิดพลาดได้ในอุปกรณ์ชนิดอื่น
ประเภทของอุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน
อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ โดยในปัจจุบันมีการพัฒนาให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานที่หลากหลาย ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลักๆ ตามลักษณะของการตรวจจับความร้อนและการตอบสนองต่ออุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง
- อุปกรณ์ตรวจจับความร้อนชนิดจับอัตราการเพิ่มของอุณหภูมิ (Rate-of-Rise Heat Detector)
Rate-of-Rise Heat Detector เป็นหนึ่งในประเภทที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ตรวจจับความร้อนที่มีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิที่ผิดปกติ โดยอุปกรณ์ตรวจจับความร้อนประเภทนี้จะตรวจจับการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิที่รวดเร็วเกินกว่าค่าที่กำหนดไว้ เช่น อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 6 องศาเซลเซียสภายในเวลา 1 นาที หรือค่าที่คล้ายคลึงกัน ทั้งนี้แม้อุณหภูมิยังไม่ถึงระดับที่ถือว่าอันตราย หรือค่าคงที่สูงสุด แต่หากการเพิ่มขึ้นนั้นเร็วผิดปกติ ระบบจะทำการส่งสัญญาณเตือนทันที
ข้อดีของ Rate-of-Rise Heat Detector คือสามารถเตือนภัยได้รวดเร็วในช่วงต้นของการเกิดเพลิงไหม้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญในการระงับเหตุหรืออพยพ เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิได้รวดเร็ว เช่น โกดังที่เก็บวัสดุไวไฟ โรงงานอุตสาหกรรม ห้องเครื่องยนต์ หรือบริเวณที่มีการใช้อุปกรณ์ให้ความร้อนอยู่เป็นประจำ อย่างไรก็ตาม ข้อควรระวัง คือหากนำ Rate-of-Rise Heat Detector ไปติดตั้งในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงขึ้นลงตามธรรมชาติอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะในพื้นที่กลางแจ้งหรือโรงงานที่ใช้เตาอบ อาจทำให้เกิดการเตือนผิดพลาดได้ง่าย
- อุปกรณ์ตรวจจับความร้อนชนิดจับอุณหภูมิคงที่ (Fixed Temperature Heat Detector)
อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) ประเภทนี้จะทำงานเมื่ออุณหภูมิในบริเวณที่ติดตั้งสูงขึ้นถึงค่าหนึ่งที่ตั้งไว้ล่วงหน้า เช่น 57 องศาเซลเซียส 70 องศาเซลเซียส หรือ 100 องศาเซลเซียส ขึ้นอยู่กับรุ่นและการออกแบบ โดยทั่วไปตัวอุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) จะมีเซนเซอร์โลหะที่ตอบสนองต่อความร้อน เมื่ออุณหภูมิสูงจนเกินระดับที่กำหนด เซนเซอร์จะเปลี่ยนสถานะ และส่งสัญญาณเตือนไปยังแผงควบคุม
ข้อดีของอุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) ชนิดนี้ คือมีความเสถียร ไม่ตอบสนองต่ออุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย จึงช่วยลดความเสี่ยงในการแจ้งเตือนผิดพลาด เหมาะกับพื้นที่ที่มีอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงตลอดวัน เช่น ห้องเก็บเอกสาร ห้องพักอาศัยทั่วไป ห้องไฟฟ้า หรือสำนักงาน แต่ข้อเสีย คือการตอบสนองของอุปกรณ์อาจช้ากว่าแบบ Rate-of-Rise Heat Detector โดยเฉพาะหากเกิดเพลิงไหม้ที่อุณหภูมิเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ อุปกรณ์อาจไม่สามารถตรวจจับได้ในช่วงเวลาสำคัญ จึงควรเลือกใช้อย่างเหมาะสมกับลักษณะของพื้นที่
- อุปกรณ์ตรวจจับความร้อนชนิดรวม (Combination Heat Detector)
Combination Heat Detector คือการรวมเอาคุณสมบัติของอุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) ทั้งแบบจับอุณหภูมิคงที่และแบบจับอัตราการเพิ่มของอุณหภูมิไว้ในเครื่องเดียว อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) นี้จะสามารถแจ้งเตือนทั้งในกรณีที่อุณหภูมิถึงค่าที่ตั้งไว้ และกรณีที่อุณหภูมิเพิ่มขึ้นรวดเร็วอย่างผิดปกติภายในช่วงเวลาสั้น ๆ
ข้อดีของอุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) ชนิดนี้ คือความยืดหยุ่นในการใช้งานและความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น เพราะสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ได้หลากหลาย ทั้งแบบฉับพลันและค่อยเป็นค่อยไป เหมาะกับพื้นที่ที่มีลักษณะไม่แน่นอน หรือมีความเสี่ยงหลากหลาย เช่น ศูนย์กระจายสินค้า โรงงานที่มีหลายโซนใช้งาน หรืออาคารขนาดใหญ่ที่มีการควบคุมอุณหภูมิในบางโซนเท่านั้น แม้จะมีราคาสูงกว่าแบบทั่วไปเล็กน้อย แต่อุปกรณ์ประเภทนี้ถือว่าคุ้มค่าในการป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
- อุปกรณ์ตรวจจับความร้อนที่เพิ่มขึ้นจนถึงจุดที่ตั้งไว้ (Rate Compensate Heat Detector)
Rate Compensate Heat Detector ถือเป็นเทคโนโลยีที่ซับซ้อนและแม่นยำที่สุดในกลุ่มอุปกรณ์ตรวจจับความร้อน โดยถูกออกแบบมาให้สามารถตรวจจับอุณหภูมิที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ ได้อย่างแม่นยำ โดยที่ไม่เกิดการแจ้งเตือนล่าช้าแบบที่มักพบในอุปกรณ์ Fixed Temperature ทั่วไป
ตัวอุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) มีโครงสร้างพิเศษที่ช่วยชดเชยการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ทำให้สามารถตรวจจับได้ทั้งแบบเพิ่มขึ้นช้า ๆ และแบบฉับพลันในระดับที่ยังคงความแม่นยำสูง อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) ประเภทนี้มักจะใช้ในสถานที่ที่มีการควบคุมอุณหภูมิเข้มงวด หรือที่อุณหภูมิพื้นฐานอยู่ใกล้ค่าที่ตั้งไว้ เช่น ห้องเก็บอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ห้องเซิร์ฟเวอร์ ห้องปลอดฝุ่น โรงงานผลิตอาหาร หรือสถานที่ที่มีอุณหภูมิคงที่ตลอดเวลา ข้อดี คือมีความแม่นยำมาก มีโอกาสแจ้งเตือนผิดต่ำ แต่ข้อเสียคือราคาสูง และต้องการการติดตั้งและการบำรุงรักษาที่ถูกต้องตามมาตรฐาน
อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) มีหลักการทำงานอย่างไร?
- หลักการทำงานของ Heat Detector แบบ Mechanical
Heat Detector แบบ Mechanical คือระบบที่ใช้หลักฟิสิกส์ของการขยายตัวของวัสดุเมื่อได้รับความร้อน โดยไม่มีวงจรไฟฟ้าที่ซับซ้อน อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) ลักษณะนี้มักใช้วัสดุโลหะที่ตอบสนองต่ออุณหภูมิ เช่น ไบเมทัล (Bimetallic Strip) หรือโลหะผสมพิเศษ ซึ่งจะทำหน้าที่เปลี่ยนรูปหรือเคลื่อนไหวเมื่ออุณหภูมิถึงจุดที่กำหนด มีจุดเด่น คือไม่ต้องใช้แหล่งพลังงานไฟฟ้าในตัวเซนเซอร์ อีกทั้งยังมีความแม่นยำในการตรวจจับอุณหภูมิที่คงที่ และมีความเสถียรสูง ไม่ไวต่อสภาพแวดล้อม เหมาะสำหรับสถานที่ต้องติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) หลายจุด
- หลักการทำงานของ Heat Detector แบบ Electronic
Heat Detector แบบ Electronic ทำงานโดยใช้เซนเซอร์ตรวจจับความร้อนที่แปลงค่าความร้อนเป็นสัญญาณไฟฟ้า อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) ประเภทนี้สามารถวิเคราะห์และประมวลผลการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิได้แม่นยำและรวดเร็วกว่าระบบ Mechanical มีข้อดี คือตรวจจับได้ทั้งอุณหภูมิที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น และอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นรวดเร็ว (Rate-of-Rise) สามารถปรับแต่งค่าการเตือนหรือพฤติกรรมการทำงานได้ละเอียด สามารถใช้งานซ้ำได้ เนื่องจากโลหะจะกลับสู่สภาพเดิมเมื่ออุณหภูมิลดลง แต่ต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงกว่า Heat Detector แบบ Mechanical
แนวทางการเลือกใช้อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) ให้เหมาะกับพื้นที่
การเลือกใช้อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) ให้เหมาะสมกับพื้นที่เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้ และลดความเสี่ยงจากการเตือนผิดพลาด การเลือกประเภทของ Heat Detector ไม่ควรดูแค่ความสามารถของอุปกรณ์เพียงอย่างเดียว แต่ต้องพิจารณาร่วมกับสภาพแวดล้อม ความเสี่ยงของพื้นที่ และลักษณะการใช้งานร่วมด้วย โดยสามารถพิจารณาได้ตามประเภทต่าง ๆ ดังนี้
- อุปกรณ์ตรวจจับความร้อนชนิดจับอัตราการเพิ่มของอุณหภูมิ (Rate-of-Rise Heat Detector)
Heat Detector ประเภทนี้เหมาะสำหรับพื้นที่ที่อุณหภูมิโดยรอบมีความเสถียร ไม่เปลี่ยนแปลงเร็วเป็นปกติ แต่มีความเสี่ยงว่าอุณหภูมิจะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ เช่น ห้องพัก ห้องประชุม ห้องโถงและทางเดินระหว่างชั้น เป็นต้น ตัวอุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) จะทำงานเมื่อตรวจจับว่าอุณหภูมิในบริเวณนั้นเพิ่มขึ้นในอัตราที่รวดเร็วกว่าค่าที่กำหนด
- อุปกรณ์ตรวจจับความร้อนชนิดจับอุณหภูมิคงที่ (Fixed Temperature Heat Detector)
อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) ชนิดนี้จะเหมาะกับพื้นที่ที่อุณหภูมิปกติมีความผันผวน แต่ไม่เกินเกณฑ์อุณหภูมิที่กำหนดไว้ ห้องที่มีฝุ่นละอองมาก ๆ หรือบริเวณที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดควันไฟ เมื่อตรวจพบว่าอุณหภูมิถึงจุดที่ตั้งไว้ อุปกรณ์จะส่งสัญญาณเตือนทันที เหมาะกับพื้นที่ที่ต้องการความเสถียรในการตรวจจับ ไม่เน้นความไวสูง อย่างห้องไฟฟ้าหรือห้องเครื่องที่มีความร้อนพื้นฐานตลอดเวลา
- อุปกรณ์ตรวจจับความร้อนชนิดรวม (Combination Heat Detector)
อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) ชนิดนี้เป็นการรวมคุณสมบัติของทั้ง Fixed Temperature และ Rate-of-Rise เข้าไว้ในอุปกรณ์เดียว จึงสามารถติดตั้งได้กับทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นห้องที่มีอุณหภูมิคงที่หรือบริเวณที่มีอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงก็ตาม
- อุปกรณ์ตรวจจับความร้อนที่เพิ่มขึ้นจนถึงจุดที่ตั้งไว้ (Rate Compensate Heat Detector)
อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) ชนิดนี้เหมาะอย่างยิ่งกับพื้นที่ที่อุณหภูมิพื้นฐานอาจอยู่ใกล้จุดที่กำหนดไว้ เช่น พื้นที่ที่มีเครื่องจักรทำงานต่อเนื่อง หรือพื้นที่ที่อุณหภูมิสูงอยู่แล้ว เนื่องจากตัวอุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) สามารถชดเชยความร้อนพื้นฐาน และตอบสนองต่อการเพิ่มของอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำโดยไม่แจ้งเตือนผิด
สุดท้ายนี้ หากคุณกำลังมองหาอุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) หรืออุปกรณ์เซฟตี้อื่น ๆ ที่มีคุณภาพและมาตรฐานรองรับ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับสถานที่ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นอาคารที่พักอาศัย โรงงาน โกดังสินค้า หรือสำนักงาน ขอแนะนำให้เลือกซื้อสินค้ากับ Grand Elite Supplies ผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์ความปลอดภัยครบวงจร ที่คัดสรรเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน ผ่านการตรวจสอบคุณภาพจากผู้เชี่ยวชาญ พร้อมทีมงานที่ให้คำปรึกษาอย่างมืออาชีพ
Grand Elite Supplies พร้อมช่วยให้คุณเลือกใช้อุปกรณ์ได้ตรงกับความต้องการของแต่ละพื้นที่ เพิ่มความมั่นใจในการป้องกันอุบัติเหตุจากเพลิงไหม้ก่อนจะสายเกินไป สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 061-789-1469 หรือเลือกชมสินค้าได้ที่เว็บไซต์ https://www.grand-elite-supplies.com/ ของเราได้เลยครับ